แพว (หอมจันทร์)

ผักแพว ชื่อสามัญ Vietnamese coriander

ผักแพว ชื่อวิทยาศาสตร์ Polygonum odoratum Lour. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Persicaria odorata (Lour.) Soják)

จัดอยู่ในวงศ์ผักไผ่ (POLYGONACEAE

สมุนไพรผักแพว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า พริกม้า พริกม่า (นครราชสีมา), หอมจันทร์ (อยุธยา), ผักไผ่ (ภาคเหนือ),

ผักแพว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), จันทน์โฉม, จันทน์แดง, ผักไผ่น้ำ, ผักแพ้ว, ผักแพรว, ผักแจว, พริกบ้า, หอมจันทร์ เป็นต้น

ลักษณะของผัวแพว

ต้นผักแพว จัดเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง มีข้อเป็นระยะ ๆ ตามข้อมักมีรากงอกออกมา หรือลำต้นเป็นแบบทอดเลื้อยไปตามพื้นดินและมีรากงอกออกมาตามส่วนที่สัมผัสกับพื้นดิน เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นแฉะ เช่น ในบริเวณห้วย หนอง คลอง บึง หรือตามแอ่งน้ำต่าง ๆ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการใช้ลำต้นปักชำ (เมล็ดงอกยาก นิยมใช้กิ่งปักชำมากกว่า) พรรณไม้ชนิดนี้เป็นพืชล้มลุก พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะเกิดได้เองตามธรรมชาติ

  • ใบผักแพว มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหอกหรือรูปหอกแกมรูปไข่ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5.5-8 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมคล้ายใบไผ่แต่บางกว่า ขอบใบเรียบ ฐานใบเป็นรูปลิ่ม ก้านใบสั้นมีหู ใบลักษณะคล้ายปลอกหุ้มรอบลำต้นอยู่บริเวณเหนือข้อของลำต้น

  • ดอกผักแพว ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกมีดอกย่อยขนาดเล็กสีขาวนวลหรือชมพูม่วง

  • ผลผักแพว ผลมีขนาดเล็กมาก

สรรพคุณของผักแพว

  • ผักแพวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย และช่วยในการชะลอวัย (ใบ)

  • ช่วยป้องกันและต่อต้านมะเร็ง (ใบ)

  • ช่วยป้องกันโรคหัวใจ (ใบ)

  • ใบใช้รับประทานช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)

  • ช่วยบำรุงประสาท (ราก)

  • รสเผ็ดของผักแพวช่วยทำให้เลือดลมในร่างกายเดินสะดวกมากขึ้น (ใบ)

  • ช่วยรักษาโรคหวัด (ใบ)

  • ช่วยขับเหงื่อ (ดอก)

  • ช่วยรักษาโรคปอด (ดอก)

  • ช่วยรักษาหอบหืด (ราก)

  • ช่วยแก้อาการไอ (ราก)

  • ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันและแก้อาการท้องผูก และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงถึง 9.7 กรัม ซึ่งจัดอยู่ในผักที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุด 10 อันดับของผักพื้นบ้านไทย (ใบ)

  • ผักแพวมีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยแก้ลม ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ใบ, ยอดผักแพว) ใช้เป็นยาขับลมขึ้นเบื้องบน

  • ช่วยให้เรอระบายลมออกมาเวลาท้องขึ้น ท้องเฟ้อ (ใบ, ดอก, ต้นราก

  • รากผักแพวช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร (ราก)

  • แก้กระเพาะอาหารพิการหรือกระเพาะอักเสบ (ใบ, ดอก, ต้นราก)

  • ช่วยแก้ท้องเสีย อุจจาระพิการ (ใบ, ดอก, ต้นราก)

  • ช่วยแก้อาการเจ็บท้อง (ใบ, ดอก, ต้นราก)

  • ช่วยแก้อาการท้องรุ้งพุงมาน (ใบ, ดอก, ต้นราก)

  • ใบผักแพวช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ด แต่ต้องรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน

  • ลำต้นผักแพวใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)

  • ราก ต้น ใบ และดอก นำมาปรุงเป็นยาได้ ใช้รักษาริดสีดวงทวาร (ใบ, ดอก, ต้น, ราก)

  • ช่วยรักษาโรคตับแข็ง (ใบ)

  • ช่วยลดอาการอักเสบ (ใบ)

  • ใบผักแพวใช้แก้ตุ่มคัน ผดผื่นคันจากเชื้อรา เป็นกลากเกลื้อน

  • ด้วยการใช้ใบหรือทั้งต้นนำมาคั้นหรือตำผสมกับเหล้าขาว แล้วใช้เป็นยาทา (ใบ, ทั้งต้น)

  • ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ราก)

  • ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ปวดกระดูก (ราก)

  • ช่วยแก้เส้นประสาทพิการ แก้เหน็บชาตามปลายนิ้วมือ ปลายเท้า และอาการมือสั่น (ใบ, ดอก, ต้นราก)

  • ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงเลือดลมของสตรี (ใบ, ดอก, ต้นราก)

การปลูกผักแพว

ผักแพวเป็นผักที่ชอบดินที่มีความชื้นสูง สามารถปลูก และการปักชำลำต้น และการหว่านเมล็ด แต่ที่นิยมจะใช้วิธีปักชำต้น หรือ แยกเหง้าปลูก

การเตรียมดิน และการปลูก

  • การปลูกในครัวเรือนทั่วไป มักปลูกตามสวนหลังบ้านหรือพื้นที่ว่างที่ค่อนข้างชื้น การเตรียมดินด้วยการพรวนดินออกให้หมด หลังจากนั้น

  • ค่อยนำลำต้นที่เด็ดได้จากกอหรือขุดเหง้ามาลงปลูก ระยะห่างลำต้น 5-10 ซม. หากเป็นเหง้าจะใช้เหง้า 3-5 ต้น ปลูกลงแปลง ระยะห่างของเหง้าประมาณ 10-15 ซม.

  • สำหรับการปลูกด้วยการปักชำลำต้น เกษตรกรจะใช้เทคนิคเร่งให้แตกรากก่อน แล้วค่อยนำลงปลูกลงดิน โดยใช้วิธีนำกอผักแพวที่ตั ด จากแปลงมาแช่น้ำ

  • โดยแช่ในน้ำให้ท่วมลำต้นประมาณ 2-3 ข้อ ซึ่งแช่ไว้ประมาณ 3 วัน ลำต้นจะเริ่มแตกรากสีขาวออกบริเวณข้อ หลังจากนั้น นำปลูกลงดินได้

การดูแลรักษาผักแพว

เพียงแต่ต้องคอยรดน้ำให้ชุ่มเสมอเท่านั้น และอาจใส่ปุ๋ยคอก ที่ใช้จะเน้นเรื่องการบำรุงใบ

การเก็บผักแพว

ผักแพวที่ปลูกใหม่จะเริ่มแตกเหง้าที่เป็นลำต้นใหม่หลังปลูกประมาณ 1 เดือน และสามารถเริ่มเก็บยอดได้ประมาณเดือนที่ 3 ซึ่งการเก็บยอดอาจใช้มีดตัด ประมาณ 15-20 ซม. โดยให้เหลือลำต้นไว้สำหรับแตกเหง้าใหม่

ต้นผักแพว

ข้อมูลทั่วไป

  • อายุ 1 ปี

  • แสง รำไร

  • ดิน ร่วน

  • น้ำ ชุ่มน้ำ 1-2 ครั้ง

  • ปลูก เมล็ด / แยกเหง้า

  • สูง 30-35 ซม.

  • เก็บเกี่ยว 3 เดือน

เอกสารอ้างอิง

  • หนังสือตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย. สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.

  • ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก www.foodnetwork.com. [12 ต.ค. 2013].

  • วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (th)

  • ไทยรัฐออนไลน์. "ผลวิจัยพบผักพื้นบ้านไทยคุณค่าเพียบ". (นพ.สมยศ ดีรัศมี). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [12 ต.ค. 2013].

  • หนังสือผักพื้นบ้านต้านโรค. (พญ.ลลิตา ธีระสิริ).

  • ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง จังหวัดลำพูน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.haec05.doae.go.th. [12 ต.ค. 2013].

  • บ้านมหาดอตคอม. "ผักแพว". piboon. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.baanmaha.com. [12 ต.ค. 2013].

  • "ผักแพว ผักพื้นบ้านรสแซ่บ ลดอ้วนแต่ไม่ลดสารอาหาร". (จำรัส เซ็นนิล). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.jamrat.net. [12 ต.ค. 2013].

  • ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. "ผักพื้นบ้านผักแพว". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.m-culture.in.th. [12 ต.ค. 2013].

  • ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ผักไผ่น้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [31 ส.ค. 2015].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)