เขียวหมื่นปี
เขียวหมื่นปี ชื่อสามัญ Chinese Evergreen[2], Aglaonema (อโกลนีมา)
เขียวหมื่นปี ชื่อวิทยาศาสตร์ Aglaonema modestum Schott ex Engl. จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)[1]
สมุนไพรเขียวหมื่นปี มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ว่านเขียวหมื่นปี, ว่านขันหมาก[2], มะเขือพ่อค้า บ้วนนีแช[3], แก้วกาญจนา (เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และเป็นราชาแห่งไม้ประดับ)[5], ว่านเหนียนชิง (จีนกลาง)[2] เป็นต้น
ลักษณะของเขียวหมื่นปี
ต้นเขียวหมื่นปี จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็กจำพวกว่าน เป็นต้นไม้ในกลุ่มอโกลนีมา อาจมีความสูงของต้นได้ถึง 1-2 เมตร มียางสีขาว ลำต้นตั้งตรงเป็นไม้เนื้ออ่อน มีข้อถี่ ไม่แยกต้น มีหัวอยู่ใต้ดิน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ[1],[2] มีถิ่นกำเนิดในประเทศเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และแอฟริกา[3]
ใบเขียวหมื่นปี ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหอกยาวหรือรูปใบพาย ปลายใบแหลม โคนใบค่อย ๆ สอบติดก้านใบแผ่นใบเป็นสีเขียวมีลายสลับกับสีเขียวแกมเทา เส้นใบจมพื้นใบนูนเป็นลอน ขอบใบบิด ลายเส้นใบคล้ายขนนก ลักษณะด้านบนเป็นร่องเล็กน้อย ด้านนอกกลมนูน บริเวณโคนแผ่ออกเป็นกาบสีเขียวออกแดงเรื่อ ๆ โอบหุ้มกับลำต้น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 6-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-25 เซนติเมตร ก้านใบยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร[1],[5] ในช่วงแรก ๆ ใบจะเป็นสีเขียว แล้วจะค่อย ๆ พัฒนาการมาเป็นสีสันที่แปลกตาและดูสวยงามมากขึ้นเรื่อย ๆ[5]
ดอกเขียวหมื่นปี ดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกไม้ในวงศ์บอนทั่วไป โดยจะออกดอกเป็นดอกเดี่ยวบริเวณง่ามใบ มีกาบหุ้มช่อดอกหรือกาบหุ้มปลีคล้ายดอกหน้าวัว ลักษณะเป็นรูปไข่หรือค่อนข้างกลม มีสีเหลืองนวล ช่อดอกมีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก ประกอบไปด้วยเกสรเพศผู้ที่อยู่ส่วนบนและเกสรเพศเมียที่อยู่ส่วนล่าง เมื่อต้นมีอายุประมาณ 18-20 เดือน จะเริ่มออกดอก โดยจะสังเกตได้จากยอดที่เกิดใหม่ จะมีใบขนาดเล็กกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า "ใบธง" ซึ่งดอกจะเกิดพร้อมกับใบธงนี้[1],[5]
ผลเขียวหมื่นปี ผลมีลักษณะและขนาดเท่ากับลูกหว้าขนาดใหญ่ เมื่อแก่จัดเป็นสีเหลืองแก่[5]
สรรพคุณของเขียวหมื่นปี
รากและใบมีรสจืด ขมเล็กน้อย เป็นยาเย็น มีพิษเล็กน้อย ใช้เป็นยาดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไทฟอยด์ (ราก, ใบ)[1]
ใช้เป็นยาแก้อาการไอเป็นเลือด แก้อาการไอเนื่องจากปอดมีความร้อน แก้ไอหืดหอบ (ราก, ใบ)[1]
ใช้เป็นยาแก้คอเจ็บ คอบวมอักเสบ ด้วยการใช้รากเขียวหมื่นปีนำมาล้างให้สะอาด ตำให้แหลกคั้นเอาน้ำ ผสมกับน้ำเย็น ใส่เกลือเล็กน้อย นำมาใช้เป็นยาอมกลั้วคอ (ราก)[1]
ใช้เป็นยาแก้คอตีบ ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 8-20 กรัม ตำให้แหลก นำมาต้มกับน้ำรับประทานหรือนำมาคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ใส่น้ำเย็น แล้วนำมาอมกลั้วคอ (ใบ)[1]
ใช้เป็นยาแก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ (ราก, ใบ)[1]
ใบนำมาตำให้แหลกผสมกับเหล้าขาว ใช้พอกแผลสด ปิดบาดแผลที่ถูกของมีคม แล้วเอาผ้าพันไว้ให้แน่น เมื่อหายเจ็บแล้วค่อยนำผ้าพันแผลออก จะเห็นว่ารอยแผลเชื่อมสนิทหรือเป็นรอยเล็กน้อย แต่ไม่อักเสบ หรือเจ็บปวด และเมื่อแผลแห้งและตกสะเก็ดจะไม่เป็นแผลเป็น (ใบ)[2]
ใช้เป็นยาแก้ฝีบวมช้ำ แมลงกัดต่อย สุนัขหรืองูกัด ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับน้ำตาลเล็กน้อย รับประทานแต่น้ำ ส่วนกากที่เหลือให้นำมาพอกบริเวณบาดแผล (ใบ)[1] บ้างใช้ลำต้นนำมาบดให้เป็นแป้งเหนียว ใช้เป็นยาทาบริเวณที่ถูกสุนัขกัดเพื่อรักษาบาดแผล (ต้น)[4]
ใบใช้ภายนอกเป็นยาแก้ฝี หนอง ฝีหนองบนผิวหนัง (ใบ)[1]
ใบนำมาบดใช้เป็นยาแก้ลดบวม พอกแก้อาการเคล็ดบวม รักษาข้อเคล็ดอักเสบ บวม (ใบ)[1],[3]
น้ำคั้นจากต้นจะมีฤทธิ์ระคายผิวหนัง ในรายที่เป็นโรคข้ออักเสบ จะช่วยทำให้เลือดมาเลี้ยงดีขึ้น (ต้น)[3]
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [1] ใบแห้งให้ใช้ 6-15 กรัม ส่วนใบสดให้ใช้ 15-30 กรัม (โดยส่วนมากจะใช้ยาจากต้นสดมากกว่า) ส่วนการนำมาใช้ภายนอกให้นำมาตำพอกบริเวณที่เป็น[1]
ข้อควรระวัง : การนำมาใช้เป็นยาภายในต้องระวังให้มาก อย่าใช้นานเกินควร เนื่องจากยานี้จะทำให้เลือดเย็น[1]
ประโยชน์ของเขียวหมื่นปี
ว่านเขียวหมื่นปี เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามและเป็นสง่าแก่สถานที่ปลูก จึงนิยมนำมาปลูกไว้เพื่อประดับตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอาคาร วัดในสมัยโบราณจะปลูกว่านชนิดนี้กันเกือบทุกวัด และถือว่าเป็นว่านที่มีมาแต่ช้านาน เป็นมรดกตกทอดจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นว่านที่ปลูกเลี้ยงง่าย ปลูกได้ทั้งในดินปนทรายหรือดินร่วนซุย ไม่ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในที่ร่มหรือที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำบ่อย ๆ หรือรดอาทิตย์ละครั้งก็ได้ สามารถเจริญงอกงามได้แม้ในที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศแห้งแล้งหรือมีความชื้นต่ำได้ดี[2],[5]
เขียวหมื่นปีเป็นว่านคงกระพันชาตรี และเชื่อว่าจะทำให้ผู้ปลูกเลี้ยงมีอายุยืนนาน จึงเป็นว่านมงคลที่สามารถนำไปใช้เป็นของขวัญได้ทุก ๆ โอกาส มอบให้ได้ทั้งหญิงและชายทุกเพศทุกวัย เมื่อปลูกให้ว่าคาถา "นะโม พุทธายะ" ไปด้วย เอาดินกลบหัวหรือรากให้มิดถึงโคน ก่อนรดน้ำก็ให้เสกน้ำด้วยคาถาพระเจ้าห้าพระองค์[2],[3]
เขียวหมื่นปีจัดเป็นไม้ประดับที่มีความสามารถในการดูดสารพิษได้ในระดับปานกลาง เพราะมีใบกว้าง มีพื้นที่ผิวใบสำหรับดูดกลืนสารพิษได้มาก แต่มีอัตราการคายความชื้นสูงและมีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจำพวกฟอร์มัลดีไฮด์ จึงเหมาะที่จะมาปลูกเพื่อดูดสารพิษ เสริมสร้างบรรยากาศบริเวณโดยรอบอาคารบ้านเรือนได้เป็นอย่างดี
เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เขียวหมื่นปี”. หน้า 144.
๑๐๘ พรรณไม้ไทย. “ว่านเขียวหมื่นปี”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.panmai.com. [27 ม.ค. 2015].
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29. “ว่านเขียวหมื่นปี”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ict2.warin.ac.th/botany/. [27 ม.ค. 2015].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “เขียวหมื่นปี”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [27 ม.ค. 2015].
ไม้ดอก ไม้ประดับ. “ว่านเขียวหมื่นปี”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : maidokmaipradab.blogspot.com. [27 ม.ค. 2015].
คลังข้อมูล สพท. ปีที่ 4 ฉบับที่ 14, กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีการเผยแพร่ สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี. “ไม้ประดับเพื่อชีวิต...ดูดสารพิษแทนเรา (2)”.
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Ruud de Block, Ross Bayton, domisemya)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)